วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

บันทึกอนุทินครั้งที่ 16

วันจันทร์ ที่ 28 เดือน มีนาคม พ.ศ 2558 




แผน IEP



แผน IEP
-แผนการศึกษาที่ร่างขึ้น
-เพื่อให้เด็กพิเศษแต่ละคนได้รับการสอน  และการช่วยเหลือฟื้นฟูให้--เหมาะสมกับความต้องการและความสามารถของเขา
-จัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของเด็ก
-โดยระบุเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดการใช้แผนและวิธีการวัดประเมินผลเด็ก

การเขียนแผน IEP
 -คัดแยกเด็กพิเศษ
-ครูต้องรู้ว่าเด็กมีปัญหาอะไร
-ประเมินพัฒนาการเด็กเป็นระยะ จะได้ทราบว่าให้เริ่มช่วยเหลือเด็กจากจุดไหน ในทักษะใด
-เด็กสามารถทำอะไรได้/เด็กไม่สามารถทำอะไรได้
แล้วจึงเริ่มเขียนเเผนIEP

IEP ประกอบด้วย
-ข้อมูลส่วนตัวของเด็ก
-เป้าหมายระยะยาวประจำปี / ระยะสั้น เป็นสิ่งสำคัญมากครูเขียนเอง
-ระบุว่าเด็กมีความจำเป็นต้องได้รับบริการพิเศษอะไรบ้าง
-ระบุความสามารถของเด็กในขณะปัจจุบัน
-ระบุ วัน เดือน ปี ที่เริ่มทำการสอน และคาดคะเนการสิ้นสุดของแผน
-วิธีการประเมิน

ประโยชน์ต่อเด็ก
-ได้เรียนรู้ตามความสามารถของตนเอง
-ได้มีโอกาสพัฒนาตามศักยภาพของตน
-ได้รับการศึกษาเเละฟื้นฟูอย่างต่อเนื่องและเหมาะสม
-ถ้าเด็กเข้าเรียนในโรงเรียนจะไม่ถูกจัดเข้าชั้นเรียนเฉยๆ

ประโยชน์ต่อครู
-เป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอนที่ตรงกับความสามารถและความต้องการของเด็ก
-เป็นแนวทางในการเลือกสื่อการสอนและวิธีการสอนให้เหมาะสมกับเด็ก
-ปรับเปลี่ยนได้เมื่อความต้องการเปลี่ยนแปลงไป
-เป็นแนวทางในการประเมินผลการเรียนและการเขียนรายงานพัฒนาความก้าวหน้าของเด็ก
ตรวจสอบและประเมินได้เป็นระยะ

ประโยชน์ต่อผู้ปกครอง
-มีส่วนร่วมในการจัดทำแผนการเรียนรายบุคคล เพื่อให้เด็กได้พัฒนาความสามารถได้สูงสุดตามศักยภาพ
-ทราบร่วมกับครูว่าจะฝึกลูกของตนอย่างไร
-เกิดความร่วมมือในการพัฒนาเด็ก มีการติดต่อสื่อสารกันอย่างต่อเนื่อง และใกล้ชิดระหว่างบ้านกับโรงเรียน

ขั้นตอนการจัดทำแผนการศึกษารายบุคคล

1. การรวบรวมข้อมูล
รายงานทางการแพทย์
รายงานการประเมินด้านต่างๆ
บันทึกจากผู้ปกครอง ครู และผู้ที่เกี่ยวข้อง
2. การจัดทำแผน
ประชุมผู้ที่เกี่ยวข้อง
กำหนดจุดมุ่งหมายระยะยาวและระยะสั้น
กำหนดโปรแกรมและกิจกรรม
จะต้องได้รับการรับรองแผนการศึกษาเฉพาะบุคคลจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

การกำหนดจุดมุ่งหมาย
ระยะยาว  เขียนแบบกว้างแต่ชัดเจนกำหนดเชิงพฤติกรรม
ระยะสั้น   มีรายละเอียดเยอะ
จุดมุ่งหมายระยะยาว
กำหนดให้ชัดเจน แม้จะกว้าง เช่น
น้องนุ่นช่วยเหลือตนเองได้  
น้องดาวร่วมมือกับผู้ปกครองได้ดีขึ้น 
น้องริวเข้ากับเพื่อนคนอื่นๆได้

 จุดมุ่งหมายระยะสั้น
ตั้งให้อยู่ภายใต้จุดมุ่งหมายหลัก
เป็นพฤติกรรมที่เด็กสามารถทำได้ในระยะ 2-3 วัน หรือ 2-3 สัปดาห์
จะสอนใคร
พฤติกรรมอะไร
เมื่อไหร่  ที่ไหน  (ที่พฤติกรรมนั้นจะเกิด)
พฤติกรรมนั้นต้องดีขนาดไหน


การใช้แผน
เมื่อแผนเสร็จสมบูรณ์ ครูจะนำไปใช้โดยจะใช้แผนระยะสั้น
นำมาทำเป็นจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม
แยกย่อยขั้นตอนการสอนให้เหมาะกับเด็ก
จัดเตรียมสื่อและจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
ต้องมีการสังเกตเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเด็กและความสามารถโดยคำนึงถึง
ขั้นตอนพัฒนาการของเด็ก
ตัวชี้วัดพื้นฐานที่เกี่ยวกับปัญหาของพัฒนาการเด็ก
อิทธิพลของสิ่งแวดล้อมของเด็กและผู้ใหญ่ที่มีผลต่อการแสดงออกของเด็ก

การประเมินผล
-จะประเมินภาคเรียนละครั้ง หรือย่อยกว่านั้น
-ต้องกำหนดวิธีการประเมิน และเกณฑ์วัดผล
**การประเมินในแต่ละทักษะหรือแต่ละกิจกรรม  อาจใช้วิธีวัดและกำหนดเกณฑ์แตกต่างกัน**











การนำไปใช้

1.การรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆที่นำไปใช้ในการเขียนแผนIEPได้อย่างถูกต้องต้อง
2.ทราบข้อมูลเด็กอย่างละเอียดสามารถเขียนแผนIEP แบบระยะสั้นและระยะยาวได้ถูกต้อง

การประเมิน
ประเมินตนเอง  ตั้งใจเรียน ได้รู้เทคนิคการเขียนแผนที่ถูกต้องสามารถนำไปใช้ได้จริง 
ประเมินเพื่อน   ตั้งใจเรียน บรรยากาศในห้องวันนี้ อบอุ่น วันนี้เป็นวันที่เรียนนานเพราะปิดคลอส แต่ก็สนุกสนานมาก
 ประเมินอาจารย์  เข้าสอนตรงเวลาทุกครั้ง ดูแลใส่ใจนักศึกษาเป็นอย่างดี ค่อยให้คำปรึกษาในเรื่องต่างๆได้เสมอ มีวิธีการสอนที่ทำให้รู้สึกอบอุ่น ไม่เครียด ไม่ง่วง สอนเข้าใจ และมีความสุขทุกครั้งที่ได้เรียนกับอาจารย์ค่ะ




บันทึกอนุทินครั้งที่ 15

วันจันทร์ ที่ 20 เดือน มีนาคม พ.ศ 2558 






วันนี้อาจารย์เฉลยข้อสอบ และมีกิจกรรมสนุกๆมาให้เป็นเล่นนั่นก็คือ เกมทายใจเรื่องดิ่งพสุธา เพื่อเป็นการผ่อนคลายก่อนเรียน



ทักษะพื้นฐานทางการเรียน


เป้าหมาย
ช่วยให้เด็กแต่ละคนเรียนรู้ได้
มีความรู้สึกดีต่อตนเอง
เด็กรู้สึกว่าฉันทำได้
พัฒนาความกระตือรือร้น  อยากรู้อยากเห็น
อยากสำรวจ อยากทดลอง
ช่วงความสนใจ
เด็กมีความสนใจใน10-15นาที
ต้องมีก่อนการเรียนรู้อื่นๆ
จดจ่อกิจกรรมในช่วงเวลาหนึ่งได้นานพอสมควร
การเลียนแบบ  เช่น

เลียนเเบบเพื่อน  ครู  คนที่โตกว่า  คนรอบข้าง

การทำตามคำสั่ง คำแนะนำ

 เด็กได้ยินสิ่งที่ครูพูดชัดหรือไม่
เด็กเข้าใจคำศัพท์ที่ครูใช้หรือไม่
คำสั่งยุ่งยากซับซ้อนไปหรือไม่
การรับรู้  การเคลื่อนไหว
ได้ยิน เห็น สัมผัส ลิ้มรส กลิ่น  แล้วตอบสนองได้อย่างเหมาะสม

การควบคุมกล้ามเนื้อเล็ก
การกรอกน้ำ ตวงน้ำ
ต่อบล็อก
ศิลปะ
มุมบ้าน
ช่วยเหลือตนเอง







 อุปกรณ์สำหรับเด็กพิเศษ

ลูกปัดไม้ขนาดใหญ่
รูปต่อที่มีจำนวนชิ้นไม่มาก

ความจำ
จากการสนทนา
เมื่อเช้าหนูทานอะไร
แกงจืดที่เรากินใส่อะไรบ้าง
จำตัวละครในนิทาน
จำชื่อครู เพื่อน
เล่นเกมทายของที่หายไป

ทักษะคณิตศาสตร์  วิทยาศาสตร์
การสังเกต
การวัด
การนับ
จำแนก







การวางแผนการเตรียมพื้นฐานทางวิชาการ

จัดกลุ่มเด็ก
เริ่มต้นการเรียนรู้โดยใช้ช่วงเวลาสั้นๆ
ให้งานเด็กแต่ละคนอย่างชัดเจนว่าต้องทำที่ไหน
ติดชื่อเด็กตามที่นั่ง
ใช้อุปกรณ์ที่เด็กคุ้นเคย
บันทึกว่าเด็กชอบอะไรที่สุด
รู้ว่าเมื่อไหร่จะเปลี่ยนงาน
มีอุปกรณ์ไว้สับเปลี่ยนใกล้มือ
เตรียมทุกอย่างให้พร้อมก่อนเด็กมาถึง
พูดในทางที่ดี เช่น การชม
จัดกิจกรรมให้เด็กได้เคลื่อนไหว
ทำบทเรียนให้สนุก

การประยุกต์ใช้
1.สามารถนำไปใช้ในการสอนจริงได้
2.รู้ถึงทักษะพื้นฐานทางการเรียนของเด็กได้ดียิ่งขึ้น


การประเมิน
ประเมินตนเอง  เข้าเรียนตรงเวลา ตั้งใจฟังอาจารย์สอนรู้สึกผ่อนคลาย ได้หัวเราะ สนุกสนาน ก่อนเรียนเสมอ

ประเมินเพื่อน  ตั้งใจเรียนทุกๆคนทำกิจกรรมที่อาจารย์นำมาให้เล่นอย่างสนุกสนานจนลืมร้อน  ตังใจจดเนื้อหาเพิ่มเติมจากที่อาจารย์สอน

ประเมินอาจารย์  เข้าสอนตรงเวลา เตรียมการสอนมาดี มีกิจกรรมสนุกๆมาให้เล่นเสมอทำให้นักศึกษาผ่อนคลายก่อนเรียน 
บันทึกอนุทินครั้งที่ 14

วันจันทร์ ที่ 13 เดือน มีนาคม พ.ศ 2558 

ไม่มีการเรียนการสอน


บันทึกอนุทินครั้งที่ 13

วันจันทร์ ที่ 6 เดือน มีนาคม พ.ศ 2558 

ไม่มีการเรียนการสอน